ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (UNIFIED OPERATION CENTER: UOC)
กลุ่มบริษัทฯ จัดตั้งศูนย์ควบคุมส่วนกลางขึ้นในปี 2562 เพื่อติดตามผลและการเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์โดยใช้ตัวบ่งชี้จากสภาวะแวดล้อม ตัวอย่างเช่น คุณภาพอากาศ ปริมาณน้ําฝน และคุณภาพน้ําเสีย เป็นต้น ทั้งยังใช้ศูนย์ดังกล่าวในการจัดการข้อร้องเรียนอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดของศูนย์ UOC จะถูกกล่าวถึงต่อไปในหัวข้อการบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเนื้อหาเกี่ยวกับศูนย์ UOC ในหัวข้อนี้จะรายงานความคืบหน้าสําคัญที่เกิดขึ้นในปี 2563 ดังต่อไปนี้
- ศูนย์ UOC ได้เชื่อมต่อกับระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดเหล่านี้จะถูกส่งมายังศูนย์ UOC ซึ่งเป็นการช่วยติดตามและเฝ้าระวังทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทฯ ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น สถานียกระดับน้ํา โดยในช่วง 6 เดือนแรกหลัง จากการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดนั้นสามารถลดต้นทุนในส่วนของการจ้างหน่วยรักษาความปลอดภัยได้เป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 775,000 บาท
- กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งบริเวณสถานีสูบน้ําของโรงบําบัดน้ําเสียซึ่งส่งภาพมายังศูนย์ UOC ภายในนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด ได้รับการเพิ่มศักยภาพให้มีฟังก์ชั่นการตรวจจับความเคลื่อนไหวและสัญญาณเตือนระดับน้ําที่เรียกว่า Smart Motion Detector ซึ่งช่วยยกระดับการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากกล้องวงจรปิดทุกตัวสามารถตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนทันทีที่เกิดเหตุบุกรุก นอกจากจะช่วยป้องกันการโจรกรรมแล้ว ระบบเตือนยังช่วยให้มั่นใจว่าการทํางานของระบบบําบัดน้ําเสียยังคงทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณภาพน้ําทิ้งจะไม่ต่ำกว่าระดับมาตรฐานที่กําหนด ทั้งยังช่วยเฝ้าติดตามระบบปฏิบัติการของสถานียกระดับน้ําได้อีกด้วย โดยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ระบบดังกล่าวจะส่งสัญญาณเตือนไปยังผู้รับผิดชอบที่ศูนย์ UOC รวมถึงแจ้งเตือนผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อจัดการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการลดความจําเป็นของหน่วยรักษา ความปลอดภัยที่ต้องเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยบ่อยๆ ซึ่งถือเป็นการลดการก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจกจากการลดการใช้ยานพาหนะในการเดินทางเพื่อเข้าปฏิบัติงาน รวมถึงยังเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจึงถือเป็นการส่งเสริมด้านความปลอดภัยให้กับพนักงานและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอีกด้วย
โดยภายหลังจากการพัฒนาและการนําระบบ UOC มาใช้ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายจากการปฏิบัติงาน ลดภาระงานให้แก่บุคลากรของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อที่สามารถพัฒนาศักยภาพของพนักงานทํางานที่มีความซับซ้อนและอาศัยทักษะพิเศษมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยให้ชุมชนและผู้ที่มีส่วนได้เสียที่เข้ามาในบริเวณสถานประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ มีความปลอดภัยทั้งร่างกายและทรัพย์สิน อีกทั้งยังช่วยลดการก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ลดการก่อให้เกิดฝุ่นจากยานพาหนะที่ต้องใช้ในการปฏิบัติงานที่ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถบรรุเป้าหมายในการรักษาคุณภาพอากาศที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามข้อกําหนดในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และโครงการดังกล่าวยังสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (scope 1) ได้จากการลดการใช้น้ํามันเชื้อเพลิงสําหรับรถยนต์ในการ ปฏิบัติงานได้กว่า 75.41 tCO2e ต่อปี


