สารจากประธานกลุ่ม

"แม้จะเป็นอีกปีที่ท้าทายด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จำกัดโอกาสในการเดินทางของลูกค้าและนักลงทุนต่างประเทศ แต่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ก็ยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งไว้ได้
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เติบโตทั้ง 4 กลุ่ม ธุรกิจ โดยมีโครงการใหม่พันธมิตรใหม่ผลิตภัณฑ์ใหม่และการลงทุนใหม่ๆ ตอกย้ำสถานะของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์นิคมอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคและไฟฟ้า ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามและเดินหน้ำเติบโตอย่างยั่งยืน"

แม้จะเป็นอีกปีที่ท้าทายด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จำกัดโอกาสในการเดินทางของลูกค้าและนักลงทุนต่างประเทศ แต่ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ก็ยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งไว้ได้ ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรเท่ากับ 11,964 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,590 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติเท่ากับ 12,078 ล้านบาท และกำไรปกติ 2,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.8% และ 8.2% จากปีก่อนหน้า และมีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 82,769 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศไทยในฐานะผู้พัฒนาด้านโลจิสติกส์นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอด จนดิจิทัล แพลต ฟอร์ม นอกจากนี้เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อ หนึ่ง การมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า และสอง การพัฒนาการดำเนินงานให้ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้

กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจอุปโภคบริโภคและความต้องการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าคุณภาพสูงที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดย ปี 2564 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ “ดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21” คลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ ซึ่งมีพื้นที่อาคารรวมกว่า 400,000 ตารางเมตร โดย ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือ ครองและบริหารทั้งหมดกว่า 2.55 ล้านตารางเมตร และในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ WHART เพื่อลงทุนในโครงการศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่จำนวน 3 โครงการ มีพื้นที่รวม 184,329 ตารางเมตร โดยคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 5,550 ล้านบาท

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและแสวงหา Synergy ผ่านการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ โดยบริษัทฯ ได้มีการลงทุนในบริษัท Startups เพื่อต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ การขยายฐานธุรกิจและการสร้าง Business Model ที่แตกต่างจากธุรกิจเดิม โดยในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนใน Giztix สตาร์ทอัพชั้นนำด้าน e-Logistic ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ กับผู้ใช้บริการจากทั่วประเทศ และบริษัทฯ ยังได้เข้าซื้อหุ้นใน บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ผู้บริการให้เช่าพื้นที่จัดเก็บทรัพย์สินส่วนบุคคลระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ “i-Store Self Storage” ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นหาพันธมิตรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์บริการต่างๆ ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมอัจฉริยะสมัยใหม่เพื่อขับเคลื่อนด้วย AI IoT Big Data ระบบอัตโนมัติ และวิทยาการหุ่นยนต์มาปรับใช้เพื่อพัฒนาและต่อยอดการดำเนินธุรกิจ พร้อมหาโอกาสใหม่ๆ ในเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิ้วติ้ง และระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีกด้วย

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาอาคารสำนักงาน (WHA Office Solutions) ระดับพรีเมี่ยมที่มีอยู่ทั้ง 6 แห่งในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เพื่อปักหมุดแลนด์มาร์คประเภทสำนักงานแห่งใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มประเภทธุรกิจสำหรับธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาและขยายนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เปิดนิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 ซึ่งมีขนาดพื้นที่โครงการรวม 1,280 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC และเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 11 ในประเทศของบริษัทฯ

ในส่วนของธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม ในฐานะประเทศที่มีศักยภาพด้านการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่โดดเด่นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศเวียดนามยังเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 - เหงะอาน เฟส 1 ขนาดพื้นที่ 1,000 ไร่ จึงได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม จนทำให้บริษัทฯ ต้องเร่งดำเนินการก่อสร้างเฟส 2 บนพื้นที่ขนาด 2,200 ไร่ รวมถึงแผนการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่ (1) โครงการ WHA Smart Technology Industrial Zone - Thanh Hoa และ (2) โครงการ WHA Northern Industrial Zone - Thanh Hoa ในจังหวัดถั่งหัว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7,500 ไร่ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศของบริษัทฯ

สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค บริษัทฯ ได้ร่วมกับนิคมอุตสหกรรมเอเชีย ให้บริการน้ำรีไซเคิลและน้ำปราศจากแร่ธาตุแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย (มาบตาพุด) ซึ่งมีลูกค้ารายแรกเป็นโรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ ภายใต้อายุสัญญา 15 ปี โดยมีกำลังการผลิตกว่า 1 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อปี สำหรับความร่วมมือ ในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจสาธารณูปโภคให้กับบริษัทฯ ซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์ในการดำเนินงานที่มุ่งพัฒนาการทำธุรกิจสาธารณูปโภคตามแผนการขยายพื้นที่ในการให้บริการสาธารณูปโภคแบบครบวงจร เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในเอเชียด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงาน

สำหรับธุรกิจพลังงาน ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์กับลูกค้าเพิ่มอีก 41 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ Prinx Chengshan ขนาด 19.44 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน พร้อมกันนี้บรัษัทฯ ได้พัฒนาโครงการ Battery Energy Storage System (BESS) เพื่อนำระบบกักเก็บพลังงานมาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเสนอเป็นบริการให้แก่ ลูกค้า โดยเปิดตัวโครงการโซลาร์รูฟท็อป ขนาด 820 KWp พ่วงระบบกักเก็บพลังงานขนาด 550 KWh ภายในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง)

สำหรับธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการ และนำเสนอนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร โดยบริษัทฯ ได้ขยายการติดตั้งโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTx) ครอบคลุมให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่ง รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจการบริหารจัดการเสาโทรคมนาคม โดยการก่อสร้างเสาโทรคมนาคมและสถานีฐาน เพื่อให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมมาเช่าพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรับและกระจายสัญญาณเครือข่ายบนเสาโทรคมนาคมทั้ง 3G, 4G และ 5G

นอกจากนี้บริษัทฯ เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลของบริษัทฯ และช่วยให้กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยก้าวต่อไปของการทรานสฟอร์มสู่ดิจิทัลของดับบลิวเอชเอคือ การใช้เทคโนโลยีเพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนโรดแมปของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่ตั้งเป้าหมายจะก้าวเป็นบริษัทเทคโนโลยีให้ได้ภายในปี 2567

สำหรับด้านรางวัลความสำเร็จในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย รวมถึงรางวัล SET Awards 2021 ถึง 3 รางวัล โดยดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ได้รับ “รางวัล Rising Star Sustainability” และดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ได้รับ “รางวัล Outstanding Innovative Company” จากโครงการ Demineralized Reclaimed Water : แหล่งน้ำทางเลือกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึง “รางวัล Sustainable Stocks Company” มอบให้แก่ทั้งสองบริษัท นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ (WHAID) ยังได้รับ “รางวัล CSR Excellence Recognition” จากหอการค้าอเมริกัน (AMCHAM) เป็นปีที่ 12 ติดต่อกันอีกด้วย

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และภาวะลดโลกร้อนจากการพัฒนาแผนงานการกำกับดูแลด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการลดคาร์บอนภายในองค์กรรวมถึงการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ผ่านการพัฒนาโซลูชันพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินงานอย่างยั่งยืนโดยการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักความสมดุลและคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และ บรรษัทภิบาล (Governance) โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม บนพื้นที่ WHA Mega Logistics Center เพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย

สำหรับปี 2565 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจของทุกกลุ่มธุรกิจ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัล แพลตฟอร์ม นอกจากบริษัทฯ จะดำเนินการขยายธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันแล้ว บริษัทฯ จะเดินหน้ากระบวนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาใช้เพื่อยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมอีกด้วย

สุดท้ายนี้ดิฉันในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และตัวแทนของคณะกรรมการและคณะผู้บริหาร ขอขอบพระคุณทุกๆ ฝ่ายที่ให้การสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ มาโดยตลอด ทั้งท่านผู้ถือหุ้นที่ได้ให้ความไว้วางใจ ลูกค้าทุกท่านที่เลือกใช้บริการของบริษัทฯ พันธมิตรทางธุรกิจทุกฝ่าย และกลุ่มสถาบันการเงินที่สนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจ รวมทั้งขอขอบคุณคณะกรรมการ คณะผู้บริหารและพนักงานทุกคน ที่ได้ให้ความไว้วางใจและความร่วมมือในการผลักดันธุรกิจของบริษัทฯ ให้เดินหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าแก่สังคม ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกๆ ฝ่ายต่อไป

คุณจรีพร จารุกรสกุล
ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)