สารจากประธานกลุ่ม
โดยธุรกิจ Mobility ได้รับการประกาศเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของ WHA Group ในปี 2568 พร้อมกันนี้ บริษัทเดินหน้า สู่ความเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในทุกมิติ และมุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ตลอดจนการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ สอดคล้องกับพันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE ในการสร้างสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาประเทศ
กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยได้ลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มรวม 162,177 ตร.ม. ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 3,108,190 ตร.ม. ด้วยความต้องการพื้นที่เช่าที่ยังสูงต่อเนื่อง ในปี 2568 บริษัทจึงเร่งพัฒนาโครงการใหม่ สำหรับประเทศไทย บริษัทมีแผนขยายโครงการสำคัญในทำเลที่มีศักยภาพ รวมพื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม.
สำหรับการลงทุนที่ประเทศเวียดนาม โครงการคลังสินค้าโลจิสติกส์แห่งแรกขนาด 37,000 ตร.ม. ก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการต้นปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่ และในปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR มูลค่ารวม 1,065 ล้านบาท
ในส่วนของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) บริษัทประกาศมุ่งสู่การยกระดับจาก 3PL เป็น 4PL โดยอาศัยจุดแข็งและความเชี่ยวชาญร่วมของ WHA และ GC เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจโลจิสติกส์ ในการขยายขอบเขตการให้บริการสู่การวางแผน ออกแบบ และบูรณาการระบบโลจิสติกส์อย่างครบวงจร
สำหรับ Office Solutions ปัจจุบันมี 6 โครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล บนพื้นที่กว่า 120,000 ตร.ม. โดยล่าสุดเปิดให้บริการแล้ว ในปี 2567 ได้แก่ โครงการ Qube ไลฟ์สไตล์รีเทลสเปซ พื้นที่ 3,000 ตร.ม. อยู่ติดสถานี BTS สุรศักดิ์ และยังมีโครงการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในย่านสาทร พื้นที่ 6,900 ตร.ม. คาดว่าแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2568
สำหรับธุรกิจโมบิลิตี้ บริษัทเปิดตัวโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ภายใต้ 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มอัจฉริยะสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ โดย ณ สิ้นปี 2567 มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 330 คัน พร้อมมุ่งสร้าง Built-to-Suit EV Ecosystem of Logistics ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) และการให้บริการอย่างครบวงจร
สำหรับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในปี 2567 บริษัทประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยมีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเท่ากับ 6,187 ล้านบาท โดยในปี 2567 บริษัทมียอดขายที่ดินสูงต่อเนื่องรวม 2,565 ไร่ (ไทย 2,453 ไร่ และเวียดนาม 112 ไร่) ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากราคาขายที่ดินที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงอานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนหรือการผลิต (Relocation) และการย้ายฐาน การผลิตไปยังประเทศที่ใกล้กับตลาด (Nearshoring) ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด 78,500 ไร่ รวมพื้นที่ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 1,535 ไร่ ในไทยและเวียดนาม
บริษัทมีนิคม/เขตอุตสาหกรรมทั้งหมด 15 แห่ง (ไทย 14 แห่งและเวียดนาม 1 แห่ง) ทั้งนี้ บริษัทมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการบนพื้นที่ 8,810 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการที่ดินจากนักลงทุนที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนโครงการในประเทศเวียดนาม ขณะนี้มี 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 2,297 ไร่(368 เฮกตาร์) ที่ได้รับการอนุมัติใบอนุญาตลงทุนเรียบร้อยแล้ว และ 1 โครงการขนาด 1,094 ไร่ (175 เฮกตาร์) อยู่ระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตลงทุน และล่าสุด บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม 2 แห่ง พื้นที่รวม 4,000 ไร่ (640 เฮกตาร์)
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมุ่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิง นิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) อย่าง ต่อเนื่อง และต่อยอดการเป็น Total Solutions Partner เพื่อ รองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรม เป้าหมาย อาทิ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มี การใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ฯลฯ
สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค ในปี 2567 บริษัทมีปริมาณยอด ขายน้ำและบำบัดน้ำเสียเท่ากับ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร (ไทย 129 ล้านลูกบาศก์เมตร และเวียดนาม 37 ล้านลูกบาศก์ เมตร) เติบโต 7% จากปีก่อนหน้า เป็นผลจากยอดขายและ บริหารน้ำที่เติบโตขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะปริมาณยอด จำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีปริมาณความต้องการใช้ น้ำที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณการจำหน่ายน้ำในเวียดนาม ของโครงการ Doung River ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการขยาย พื้นที่การให้บริการให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ อีกทั้ง บริษัทมุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในพื้นที่ใหม่ ๆ นอกเหนือ จากในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA มุ่งเน้นขยายธุรกิจ ผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และขยายการลงทุนโรงผลิตน้ำและ โรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ในเวียดนาม ตลอดจนพัฒนาโซลูชัน ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น
สำหรับธุรกิจพลังงาน ในปี 2567 บริษัทมีจำนวนเซ็นสัญญา โครงการ Private PPA สะสมจำนวน 290 เมกะวัตต์ และมี กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 965 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว จำนวน 701 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียนจำนวน 173 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 264 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด พร้อมกันนี้ บริษัท มีปริมาณขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 158 กิกะวัตต์ ชั่วโมง เพิ่มขึ้นกว่า 35% จากปีก่อนหน้า และมีแนวโน้มเติบโต เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทมีโครงการก่อสร้างซึ่งคาดจะแล้วเสร็จ ภายในปี 2568 นี้ จำนวนกว่า 100 เมกะวัตต์
โดยบริษัทยังมุ่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยในไทย เน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป โครงการผลิตไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียนรูปแบบ Feed-in-Tariff และโครงการ Direct PPA เป็นต้น ด้านประเทศเวียดนาม บริษัทได้เริ่ม ศึกษาและพัฒนาโครงการไมโครกริดที่เขตอุตสาหกรรม WHA Smart Technology Zone 1 ในจังหวัด Thanh Hoa เฟส 1 คาดว่าจะพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2569
สำหรับธุรกิจดิจิทัล จากความมุ่งมั่นในการยกระดับองค์กรใน ทุกมิติ บรรลุเป้าหมายการเป็น Technology Company ใน ปี 2567 บริษัทยังมุ่งผลักดันไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อน ด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) พร้อม มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อาทิ การพัฒนา โมบิลิกส์ ซอฟต์แวร์โซลูชัน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ และล่าสุด บริษัทได้เปิดให้บริการ WHASApp อย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงาน WHA โดยในปี 2568 นี้ WHA Digital เร่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ใน WHA Group ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม อย่าง AI และ IoT ซึ่งปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ พร้อมตั้งเป้าหมายในการพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่สำหรับให้บริการภายใน WHA Group
บทพิสูจน์ความสำเร็จของ WHA Group ในปี 2567 ที่ผ่านมา และจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ WHA Group ที่ยึดหลัก ESG และการดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย อาทิ Best Sustainability Awards ในกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence จากงาน SET Awards 2024 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ที่ระดับสูงสุด “AAA” และล่าสุดนี้ บริษัทได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ S&P Global Sustainability Yearbook ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และได้รับคัดเลือกเป็น Top 1% S&P Global CSA Score ปี 2567 โดยมีคะแนนสูงสุดอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Management & Development) อีกทั้งยังได้รับรางวัลนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Estate) จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ รางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2024 และรางวัล HR Asia: Sustainable Workplace Awards จาก HR Asia ฯลฯ
สุดท้ายนี้ ดิฉันในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และตัวแทนของคณะกรรมการและคณะผู้บริหาร ขอแสดงความขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนธุรกิจของบริษัทมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นที่มอบความไว้วางใจ ลูกค้าทุกท่านที่เลือกใช้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมมือกันอย่างแข็งขัน รวมถึงสถาบันการเงินที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มบริษัท นอกจากนี้ ดิฉันขอขอบคุณคณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ที่ทุ่มเทและให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคม ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายต่อไป