Company News
FUTURE OF SEMICONDUCTOR


คุณจรีพร จารุกรสกุล
ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ไม่ใช่เพียงชิ้นส่วนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลทุกชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ ไปจนถึงอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของโลกยุคใหม่ ด้วยบทบาทสำคัญนี้ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จึงกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยรายงานของ c คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตจาก 642 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ไปสู่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
โดยปัจจัยที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจากเมกะเทรนด์ระดับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจในเกือบทุกมิติ เริ่มจากนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของหลายประเทศที่ต้องการสร้างความมั่นคงด้านเทคโนโลยีและซัพพลายเชน (Supply Chain Resilience) จึงเกิดการเร่งลงทุนในการวิจัย พัฒนา และผลิตชิปในวงกว้าง อีกทั้งกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้า (Electrification) เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานทดแทน หรือโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ล้วนต้องพึ่งพาชิปจำนวนมากในการควบคุมและบริหารจัดการระบบให้ทำงานอย่างมีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล (Digitization) ยังผลักดันให้ทุกภาคส่วนนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในกระบวนการทำงานมากขึ้น
เมื่อการใช้งานเทคโนโลยีมีความซับซ้อนขึ้น ความต้องการชิปสมรรถนะสูงที่ตอบสนองได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคของ Purpose-Built Silicon หรือชิปที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงานแต่ละประเภทแทนการใช้โปรเซสเซอร์อเนกประสงค์ แนวโน้มนี้สะท้อนผ่านตัวอย่างสำคัญอย่าง Google ที่พัฒนา VCU สำหรับรองรับการสตรีมวิดีโอของ YouTube ทำให้สามารถลดจำนวนเซิร์ฟเวอร์และต้นทุนได้กว่า 20–33 เท่าภายในสามปี รวมถึง TPU เพื่อยกระดับความเร็วและประสิทธิภาพของโมเดล AI โดยเฉพาะ ขณะที่ Amazon พัฒนาชิป Nitro เพื่อเสริมความปลอดภัยและการควบคุมระบบคลาวด์ ซึ่งการออกแบบชิปเฉพาะทางไม่เพียงตอบโจทย์สมรรถนะด้านความเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
นอกจากนี้ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาในระยะยาว ผู้นำอุตสาหกรรมยังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงโดยมีการนำวัสดุใหม่อย่าง GaN (Gallium Nitride) และ SiC (Silicon Carbide) มาใช้แทนซิลิคอนแบบดั้งเดิม เนื่องจากมีประสิทธิภาพด้านพลังงานที่เหนือกว่าและทนความร้อนได้ดีกว่า ส่งผลให้ชิ้นส่วนมีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาขึ้น จึงกลายเป็นทางเลือกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงเป็นพิเศษโดยเฉพาะในรถรุ่นระยะทางไกลและรุ่นสมรรถนะสูง นอกจากนี้ยังมีการออกแบบแบบชิปขั้นสูงโดยใช้เทคโนโลยี 3D Integration และ Heterogeneous Integration ที่สามารถรวมชิปหลายตัวไว้ในแพ็กเกจเดียวเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ลดการสูญเสียพลังงาน และแก้ปัญหาข้อจำกัดของกระบวนการผลิตแบบเดิมที่ไม่สามารถย่อขนาดลงได้อีกมากนัก ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้กำลังเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันของอุตสาหกรรมและกลายเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันชิปประสิทธิภาพสูงยุคใหม่ให้รองรับความต้องการที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว
แม้จะต้องเผชิญทั้งความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของซัพพลายเชน แต่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ยังคงมุ่งพัฒนาชิปให้ทรงพลังและตอบสนองการใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานของนวัตกรรมยุคใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เซมิคอนดักเตอร์จึงไม่ใช่เพียงส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ แต่เป็นโครงสร้างสำคัญที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกและจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศและธุรกิจในทศวรรษข้างหน้าอย่างแท้จริง