Company News
5G AND BEYOND
คุณจรีพร จารุกรสกุล
ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม
บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
การพัฒนาของ 5G หรือ 5th Generation เปรียบเสมือนการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่ทำให้ชีวิตของเราทุกวันนี้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันจำนวนมาก 5G จึงสามารถช่วยสนับสนุนและรองรับการทำงานของแอปพลิเคชันยุคใหม่ อาทิ การควบคุมเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมการผลิต การสตรีมมิ่งคอนเทนต์ที่มีความละเอียดสูง หรือการสนทนาเรียลไทม์ได้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคโนโลยี 5G จะเข้ามาปฏิวัติวิธีการสื่อสารไร้สายด้วยความเร็วและความจุที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่ นักวิจัยและผู้พัฒนาก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นโดยพวกเขากำลังมุ่งไปสู่ยุคหลัง 5G หรือที่เรียกว่า "Beyond 5G" หรือ "6G" ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าน่าจะสามารถเริ่มเปิดใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2030
โดยเทคโนโลยีของระบบการสื่อสาร 6G ก็จะพัฒนาไปอีกขั้น (1) การใช้คลื่นความถี่ที่สูงขึ้น เทคโนโลยี Terahertz (THz) ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มปริมาณการรับส่งข้อมูล (bandwidth) และความเร็ว (speed) จนสามารถรับส่งข้อมูลได้มากถึง 1 TBps บนความหน่วงต่ำจึงทำให้สามารถรองรับการสื่อสารและการตอบสนองแบบเรียลไทม์ได้ดียิ่งขึ้น (2) การสื่อสารเชิงควอนตัม การประยุกต์ใช้หลักการและคุณสมบัติเชิงควอนตัม อาทิ มาตรวิทยาและการวัดเชิงควอนตัมที่ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลมีความถูกต้องและแม่นยำ รวมถึงโครงข่ายควอนตัมที่ช่วยให้สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ (3) Artificial Intelligence และ Machine Learning การใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากเครือข่ายแบบเรียลไทม์เพื่อจัดสรรทรัพยากร ตลอดจนสามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในเครือข่ายล่วงหน้าและทำการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
(4) Holographic Communications การสื่อสารแบบโฮโลแกรมที่สมจริงผ่านภาพสามมิติทำให้ผู้คนสามารถโต้ตอบกับภาพสามมิติเหล่านั้นได้ราวกับว่าบุคคลนั้นอยู่ตรงหน้า (5) Internet of Everything (IoE) สามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมาก ตลอดจนควบคุมการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีความเสถียรจึงสามารถสร้างเครือข่าย IoE ที่ใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งการผสานรวมเทคโนโลยี 6G เข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ ก็เปิดโอกาสให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อาทิ Extended Reality (XR), High-fidelity Mobile Hologram, Digital Replica, ยานยนต์ไร้คนขับประเภท Full Automation หรือ Level 5 ที่มีความสามารถในการขับขี่เทียบเท่ามนุษย์ เป็นต้น
ปัจจุบันการพัฒนา 6G ในประเทศฝั่งอเมริกาและยุโรป รวมถึงประเทศฝั่งเอเชีย เช่น จีนและเกาหลีใต้ก็มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในงานวิจัยและพัฒนาตลอดจนผลักดันการเข้ามามีส่วนร่วมของบริษัทเทคโนโลยี อาทิ Apple, Google, Qualcomm และสถาบันการศึกษา อาทิ MIT และ Stanford หรือกลุ่มประเทศฝั่งยุโรปที่ประกาศให้การสนับสนุนการลงทุนแก่บริษัทโทรคมนาคม Nokia และ Ericsson ในขณะที่ประเทศจีนก็ดำเนินตามแผนการพัฒนาต่อยอดจาก 5G ไปสู่ 6G ทั้งการสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญควบคู่กับการพัฒนางานวิจัย รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ดาวเทียม รถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ ฯลฯ ซึ่งจีนก็ได้ตั้งเป้าหมายเปิดทดสอบการทำงานของเทคโนโลยี 6G อย่างเต็มรูปแบบไว้ภายในปี 2029 อีกด้วย
แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยี 6G จะยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่แนวโน้มและศักยภาพของเทคโนโลยี 6G ดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและไม่สามารถมองข้ามได้ ความเร็ว การตอบสนอง และความเสถียรที่เหนือกว่า 5G หลายเท่าจะทำให้ 6G กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง สร้างโอกาสทางธุรกิจ อีกทั้งจุดประกายให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่น่าจับตามองต่อไปในอนาคต